BOQ คืออะไร สำคัญสำหรับการเลือกบริษัทรับ เหมา ตกแต่ง ภายในอย่างไร

January 17, 2021 0 Comments

                การก่อสร้างที่อยู่อาศัยและการตกแต่งภายในบ้าน เป็นสิ่งที่มีค่าใช้จ่ายสูง วัสดุก่อสร้างที่ใช้ต้องแข็งแรง ทนทาน มีมาตรฐาน เพื่อที่จะอยู่อาศัยได้อย่างปลอดภัย ดังนั้นความซื่อสัตย์เป็นคุณธรรมสำคัญมากที่บริษัทที่ดีจะต้องมี การแสดงความจริงใจที่ง่ายที่สุดของบริษัทรับ เหมา ตกแต่ง ภายในคือการแจกแจงรายละเอียดของค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทั้งส่วนการจ้างงาน ค่าวัสดุและอื่นๆที่เกี่ยวข้อง สามารถทำได้ไม่ยากด้วยแสดงเอกสาร BOQ นั่นเอง

ความหมายของเอกสาร BOQ และความสำคัญต่อการเลือกบริษัทรับ เหมา ตกแต่ง ภายใน

                BOQ (Bill of Quantities) หมายถึงเอกสารแสดงรายละเอียดค่าใช้จ่ายและรายการวัสดุที่ใช้สำหรับก่อสร้าง/ตกแต่งภายใน ซึ่งจะออกโดยผู้รับเหมาก่อสร้างหรือผู้รับ เหมา ตกแต่ง ภายในนั่นเอง ในเอกสารจะแสดงข้อมูลต่างๆที่จำเป็นต้องทราบ เช่น ค่าวัสดุก่อสร้าง ปริมาณวัสดุก่อสร้างที่ต้องใช้ ประเภทของงาน ค่าแรงต่อประเภทงาน ค่าแรงสุทธิ เป็นต้น หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่ขอบอกเลยว่าเอกสารเหล่านี้มีความสำคัญมาก ดังนี้

  • ใช้เปรียบเทียบราคา ข้อมูลจาก BOQ เป็นข้อมูลคร่าวๆของราคาวัสดุก่อสร้างและค่าแรง หากผู้ว่าจ้างมีผู้รับเหมาที่สนใจอยู่หลายเจ้า สามารถนำเอกสาร BOQ จากทุกเจ้ามาเปรียบเทียบกันดูได้ จะช่วยให้ได้ผู้รับเหมาที่ให้ราคาเหมาะสมที่สุด
  • ใช้ตรวจสอบงาน ใน BOQ มีข้อมูลเกี่ยวกับวัสดุเอาไว้เกือบทั้งหมด ทำให้ง่ายต่อการตรวจเช็คว่าวัสดุที่นำมาใช้นั้นมีคุณภาพดีหรือเปล่า ใช้ถูกต้องตามรายการที่กำหนดเอาไว้ไหม เหลือหรือขาดหรือไม่ มีวัสดุผิดประเภทปลอมปนเข้ามาข้างหรือเปล่า เป็นต้น การตรวจสอบนี้ทำได้ทั้งในขณะก่อสร้างและหลังจากงานเสร็จแล้วก่อนส่งมอบด้วย
  • ใช้ขอสินเชื่อกับธนาคาร หากใครที่ต้องการขอสินเชื่อกับทางธนาคารมาตกแต่งต่อเติมบ้าน เอกสาร BOQ สามารถนำมาใช้ประกอบการพิจารณาได้ด้วย เพราะถ้าค่าใช้จ่ายดูสอดคล้องกับวงเงินกู้ที่ต้องการ โอกาสที่จะได้รับการอนุมัติก็ง่ายยิ่งขึ้น

               การคำนวณ BOQ นั้นไม่ใช่เรื่องยาก หากพื้นที่พักอาศัยมีขนาดไม่ใหญ่มากนักจะคำนวณด้วยตัวเองก็ยังได้ แต่โดยทั่วไปแล้วหากใช้บริการบริษัท รับเหมาตกแต่งภายใน ทางบริษัทจะเป็นผู้คำนวณมาให้เอง อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายจาก BOQ นั้นเป็นเพียงข้อมูลคร่าวๆ ในการทำงานจริงอาจต้องจ่ายน้อยหรือมากกว่านั้นได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอก เช่น มีการเปลี่ยนแปลงประเภทวัสดุ เกิดความผิดพลาดในขณะทำงานจนต้องแก้ไข เป็นต้น ถ้าใครกังวลว่าค่าใช้จ่ายจะบานปลายเกินไป แนะนำให้ติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด จะช่วยลดการผิดพลาดของงาน ควบคุมงบประมาณได้ง่าย ที่สำคัญยังช่วยป้องกันการโกงค่าวัสดุได้อีกด้วย